Wednesday, December 1, 2010

ซีดานเผยชุดขาวสนคว้าอาร์ซาร่วมก๊วน


        ซีเนอดีน ซีดาน ตำนานมิดฟิลด์ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยอมรับ สโมสรอาจคว้าตัว เอด็อง อาซาร์ ปีกดาวโรจน์เลือดเบลเจี้ยน ลีลล์ มาร่วมทีม หลังจากได้พูดคุยกับนักเตะแล้ว แม้จะต้องแย่งกับหลายทีมใหญ่ในยุโรป


     ซีเนอดีน ซีดาน ที่ปรึกษาประธานสโมสร เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาอาจตัดสินใจคว้าตัว เอด็อง อาซาร์ ปีกอนาคตไกลของ ลีลล์ ในศึกลีก เอิง มาร่วมทีม หลังจากนักเตะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และกำลังเป็นที่สนใจของหลายสโมสรในยุโรป
  
     ปีกชาวเบลเยียม วัย 19 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของ ลีลล์ และรับใช้ทีมชาติเบลเยียม ไปแล้ว 17 นัด โดยทัพ "ราชันชุดขาว" เป็นหนึ่งในหลายทีมใหญ่ที่อยากได้เขามาร่วมทีม และ อาร์ซา ก็ยอมรับว่าเขาสนใจชีวิตค้าแข้งในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว เช่นกัน
  
     ตำนานจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส ยอมรับว่าสโมสรคงโง่มาก หากมองข้ามนักเตะพรสวรรค์สูงแบบนี้ไป โดยกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ กานัล ปลุส ในบ้านเกิดว่า "สิ่งที่เขากำลังทำมันวิเศษมากสำหรับสโมสรของเขา ผมได้คุยกับเขาในมาดริด แต่ไม่ได้คุยกับ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่อย่างไรเขาก็รู้อยู่ดี" และเมื่อถามถึงโอกาสการคว้าตัว ซีดาน ตอบว่า "อาจจะ"

Leia mais...

สเป็คเตอร์สุดสะใจกระทุ้ง2ลูกนัดยำใหญ่ผีแดง


        โจนาธาน สเป็คเตอร์ กองหลังเลือดมะกันของ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด สุดปลื้มที่จัดการเบิ้ล 2 ตุง ในเกมเปิดบ้านไล่ต้อนต้นสังกัดเก่า "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 ในศึกคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แถมยังเป็นการปลดล็อกการพังประตูในอาชีพค้าแข้งของเขาอีกด้วย 


     โจนาธาน สเป็คเตอร์ ปราการหลังทีมชาติสหรัฐฯ ของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด สโมสรหนีตายในศึกพรีเมียร์ลีก ออกแสดงความดีใจที่สามารถทำประตูในเกมระดับอาชีพได้สำเร็จ หลังจากเหมาคนเดียว 2 ลูก ในเกมที่เปิดรังอัพตัน พาร์ค ไล่ถล่ม  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เละเทะ 4-0 ในศึกคาร์ลิ่งคัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อวันอังคารที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา
  
     ดาวเตะวัย 24 ปี เคยเป็นนักเตะเยาวชน "ปีศาจแดง" ก่อนจะย้ายมาร่วมทัพ "ขุนค้อน" เมื่อปี 2006 และลงเล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางมาโดยตลอด แต่ในเกมล่าสุด อัฟราม แกรนท์ กุนซือชาวอิสราเอล มอบหมายให้เขาลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ 
  
     สเป็คเตอร์ ให้สัมภาษณ์หลังจากตอบแทนความไว้วางใจได้อย่างยอดเยี่ยมว่า "การได้ลงเล่นในตำแหน่งใหม่มีส่วนช่วยจริงๆ ผมสามารถบุกขึ้นไปทำเกมรุกได้มากขึ้น มันน่าผิดหวัง และท้อแท้ แต่ผมทำงานหนักมาตลอด และหวังว่าจะทำให้ดีที่สุด"
  
     "ผมคิดว่าเราลงสนาม และตัดสินใจว่าเราจะทำงานกันให้หนัก และพยายามให้เต็มที่ ผมคิดว่าบางทีเราอาจจะเป็นทีมรองบ่อนในเกมนี้ แต่เรารู้ว่าถ้าหากเราทำงานหนัก และรวมพลังกัน เราอาจจะได้ผลการแข่งขัน และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น"
  
     เซนเตอร์ฮาล์ฟเลือดมะกัน ยังได้เสริมอีกว่าเพื่อนร่วมทีมรู้ดีว่าไม่ได้รู้สึกตัวลอยไปกับผลงานการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลถ้วย "นั่นเป็นเป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่ม แต่พวกเราก็ต้องไปถึงเป้าหมายในเวลานี้ ผมรู้ว่ามันเป็นคำพูดที่ซ้ำซาก แต่นั่นก็คือสิ่งที่มันเป็นไป"
  
     ขณะเดียวกัน คาร์ลตัน โคล หัวหอกตัวเก่งของเวสต์แฮม ซึ่งโชว์ฟอร์มหรูด้วยการเหมาอีก 2 ลูกที่เหลือ คาดหวังว่าชัยชนะในครั้งนี้ จะนำสิ่งดีๆมาสู่ทีม หลังจากผลงานย่ำแย่ในศึกพรีเมียร์ลีก "เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องดี ที่ลุกขึ้นมาและเก็บชัยชนะได้ ต้องยกเครดิตทั้งหมดให้แก่เพื่อนร่วมทีม เพราะว่าพวกเขากัดฟันสู้ ทุกๆ คนรวมใจมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน และนั่นคือสิ่งที่พวกเราจะเรียกร้องได้เท่านั้น"
  
     "ผมคิดว่าชัยชนะเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา(ชนะวีแกน 3-1) เป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับพวกเรา ทุกๆ คนต่างก็พูดกันว่านั่นคือเกมที่รักษาฤดูกาลของพวกเรา และเราก็สามารถทำแบบเดิมได้อีกในอีก 3 วันถัดมา ด้วยชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ สำหรับเรา และเราก็ต้องพยายามทำผลงานให้ดีขึ้นจากชัยชนะนัดนี้"

Leia mais...

เซอร์หวังเด็กผีเอาเกมโดนค้อนทุบเป็นบทเรียน


        เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยันต้องการให้บรรดานักเตะดาวรุ่งเรียนรู้ความผิดพลาดจากเกมที่พลิกล็อกพ่าย "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยับเยิน 4-0 กระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยแสดงความคาดหวังชัดถึงเป็นสายเลือดใหม่ก็ไม่ควรปล่อยให้คู่แข่งยิงประตูง่ายแบบนี้


     เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาแสดงความคาดหวังว่าบรรดานักเตะดาวรุ่งของเขาจะได้บทเรียนสำคัญจากการออกไปโดน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมท้ายตารางพรีเมียร์ลีก ไล่ถลุง 4-0 ในศึกคาร์ลิ่ง คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 
  
     "เฟอร์กี้" ยืนกรานว่าพวกแข้งดาวรุ่ง และพวกที่ประสบการณ์น้อยต้องเรียนรู้จากเกมนี้ เพื่อนำไปพัฒนาฝีเท้าต่อไป โดยเมื่อถูกถามว่าความพ่ายแพ้นัดนี้ จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่เขาตอบว่า "เรามักทำได้ดีในเรื่องนี้ นักเตะอายุน้อยต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้ 2-3 ปีก่อน เราแพ้ โคเวนทรี และ ได้บทเรียนจากวันนั้น"
  
     กุนซือเลือดวิสกี้ ยอมรับว่าทัพ "ขุนค้อน" เตรียมตัวมาเล่นเกมนี้ได้ดีกว่า และรู้สึกว่าพวกเขาได้เปรียบจากการมีแฟนบอลของตัวเองหนุนหลังอยู่ "วันนี้ เวสต์แฮม ลงมาเล่นเกมนี้อย่างเป็นบอลถ้วยมากกว่า และ พวกเขาฮึดสู้ด้วยการเข้าปะทะที่กะจังหวะได้ดี และ อะไรแบบนั้น พวกเขาทำให้กองเชียร์ส่งเสียงเชียร์พวกเขา"
  
     สุดท้าย ถึงยอมรับว่า เวสต์แฮม โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ เฟอร์กูสัน ไม่ขอแก้ตัวที่ลูกทีมของเขาเล่นผิดพลาดในเกมนี้ "นักเตะอายุน้อยๆ ทำผิดพลาด และ เสียประตูง่ายๆ มากเกินไป พวกเขาจะเสียประตูแบบนั้นไม่ได้ แม้พวกเขายังอายุน้อยก็ตาม"

Leia mais...

ปืนลิ่วตัดเชือก!กดวีแกนนิ่ม2-0คาร์ลิ่งฯ


        อาร์เซน่อล ทะยานเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ เรียบร้อบ หลังจากที่เปิดรังเอาชนะ วีแกน สบายๆ 2-0 ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อคืนที่ผ่านมา 

ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพรอบก่อนรองชนะเลิศ
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2553 
อาร์เซน่อล (พรีเมียร์ ลีก) 2 - 0 วีแกน (พรีเมียร์ ลีก)

สนาม: เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม, ลอนดอน
  
     "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ขนผู้เล่นดาวรุ่งลงสนามยกชุด โดยแดนหน้าเรียก นิคลาส เบนท์เนอร์ กลับมาลงล่าตาข่ายร่วมกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ พร้อมได้ คาร์ลอส เวล่า ดาวเตะเม็กซิกัน กับ ธีโอ วัลค็อตต์ มาทำเกมตามริมเส้น
โดยมี แจ็ค วิลเชียร์ ที่กำลังฟอร์มสดเดินเกมรุกจากกลางสนาม 
  
     ด้าน "เดอะ ลาติกส์" วีแกน ให้ เมาโร่ โบเซลลี่ ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ลงมาล่าตาข่ายร่วมกับ วิคเตอร์ โมเซส พร้อมได้ เฮนดรี้ โธมัส ดาวเตะฮอนดูรัส คุมเกมกลางสนาม 
  
     เปิดฉากครึ่งแรกมาแค่ 2 นาที ปืนใหญ่ มาได้ลุ้นจากจังหวะที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ โยนลูกฟรีคิกมาเสาไกลให้ นิคลาส เบนท์เนอร์ ขึ้นโหม่ง แต่โดนไม่เต็มบอลหลุดออกข้างไป
  
     หลังจากนั้นเจ็ดนาที ทีมเยือนได้ลุ้นบ้าง วิคเตอร์ โมเซส ลากตะลุยพาบอลเข้าเขตโทษ ก่อนแตะหลบ เอบูเอ้ แล้วตัดสินใจซัดด้วยซ้ายเข้าข้างตาข่าย
  
     เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 27 อาร์เซน่อลต่อบอลกันมาได้สวยอีกครั้ง วิลเชียร์ ทำชิ่งกับ ฟาน เพอร์ซี่ ก่อนบอลจะมาถึง คาร์ลอส เวล่า ได้กดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ แต่เหินข้ามคานออกไป
  
     ผ่านมา 40 นาที วีแกน จำเป็นต้องเปลี่ยนเอา วิคเตอร์ โมเซส ที่มีอาการบาดเจ็บออกมาแล้วส่ง ชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย ลงมาเล่นแทน
  
     นาทีเดียวกันนั้น ทีมเยือนได้ลุ้นจากจังหวะที่ เดนิลสัน โยนให้กับ 
คาร์ลอส เวล่า เทคตัวโขกจ่อๆแค่ 6 หลาบอลออกเสาซ้ายไป 
  
     ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 3 นาที อาร์เซน่อล ขึ้นนำ 1-0 จนได้จากจังหวะที่ ธีโอ วัลค็อตต์ โยนลูกเตะมุมมาหน้าประตู อันโตลิน อัลคาราซ กองหลังชาวปารากวัยของวีแกน โหม่งสกัดผิดเหลี่ยมบอลเข้าประตูตัวเองไปอย่างโชคร้าย หมดครึ่งแรกเจ้าบ้านนำก่อน 1-0 
  
     กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้ 8 นาที อาร์เซน่อล บุกต่อเนื่อง นิคลาส เบนท์เนอร์ ได้เทคตัวโขกจากระยะแค่ 6 หลาหลุดเสาขวาไป 
  
     อย่างไรก็ตาม พลพรรคกันเนอร์ส มาได้ประตูที่สองหนีห่างออกไปอีกในนาทีที่ 67 จากจังหวะที่ คาร์ลอส เวล่า ดาวเตะเม็กซิกัน จ่ายบอลจากด้านซ้ายของเขตโทษให้กับ นิคลาส เบนท์เนอร์ ที่ยืนอยู่เสาสอง ตะบันด้วยขวาบอลเรียดเข้ากลางประตูไปให้อาร์เซน่อล นำสบาย 2-0 
  
     เขยิบมานาทีที่ 72 เจ้าบ้านได้ลุ้นอีกครั้ง คาร์ลอส เวล่า ซัดด้วยซ้ายจากระยะ 18 หลา ทว่าบอลเบาไปทำให้ อาลี อัล ฮับซี่ นายทวารชาวโอมานของวีแกนเซฟได้ไม่ยาก 
  
     นาทีต่อมา อาร์เซน่อล เก็บตัวแล้วถอด แจ็ค วิลเชียร์ ออกแล้วเปลี่ยนเอา ซามีร์ นาสรี่ ดาวเตะชาวฝรั่งเศส ลงมายืดเส้นยืดสายบ้าง พร้อมให้ เคร็ก อีสต์มอนด์ เล่นแทน ฟาน เพอร์ซี่ย์ 
  
     เกมยังเป็นของไอ้ปืนใหญ่ นาทีที่ 77 ธีโอ วัลค็อตต์ ตะบันด้วยขวาบอลหลุดเสาแรกไปชนิดได้ลุ้น
  
     ช่วงท้ายเกมทำอะไรกันไม่ได้เพิ่ม จบเกม อาร์เซน่อล เอาชนะไปได้ 2-0 ตบเท้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ แล้ว 
  
     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
     อาร์เซน่อล:
 วอจเซียช เซสนี่ - เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, โยฮัน ฌูรู, คีแรน กิ๊บบ์ส - ธีโอ วัลค็อตต์, เดนิลสัน, แจ็ค วิลเชียร์, คาร์ลอส เวล่า - นิคลาส เบนท์เนอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ 
     สำรอง:
 เจมส์ เชีย (ผู้รักษาประตู) - บาการี่ ซาญ่า, ซามีร์ นาสรี่, อังเดร อาร์ชาวิน, เคร็ก อีสต์มอนด์, เจย์ เอ็มมานูเอล-โธมัส, ฮาวาร์ด นอร์ดท์เวท
  
     วีแกน
: อาลี อัล ฮับซี่ - สตีฟ โกห์อูรี่, สตีเว่น คัลด์เวลล์, อันโตลิน อัลคาราซ, รอนนี่ สตัม - เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, เฮนดรี้ โธมัส, เบน วัตสัน, มายนอร์ ฟิเกอรัว - เมาโร โบเซลลี่, วิคเตอร์ โมเซส 
     สำรอง:
 ไมเคิล พอลลิตต์ (ผู้รักษาประตู) - ฟรานโก้ ดิ ซานโต้, ชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย, ฆอร์ดี้ โกเมซ, โมฮาเหม็ด ดิยาเม่, คัลลั่ม แม็คมานามาน, จอร์แดน มัสโท 
  
     ผู้ตัดสิน:
 มาร์ติน แอ็ตกินสัน

Leia mais...

ค้อนทุบผีร่วง!ถล่มเละ4-0ฉลุยตัดเชือกคาร์ลิ่งฯ


        แมนฯ ยูไนเต็ด ร่วงตกรอบฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ เรียบร้อย หลังจากที่บุกไปโดน เวสต์แฮม ถลุงเละ 0-4 โดย คาร์ลตัน โคล กับ โจนาธาน สเป็คเตอร์ ซัดคนละ 2 ประตู ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อคืนที่ผ่านมา 

ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพรอบก่อนรองชนะเลิศ
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เวสต์แฮม (พรีเมียร์ลีก) 4 - 0 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

สนาม : อัพตัน พาร์ค
  
     เวสต์แฮมทีมบ๊วยของลีกส่งกองทัพชุดใหญ่ลงบู๊เต็มอัตราศึก ยกเว้นกองกลางตัวกลั่นสก็อตต์ พาร์เกอร์ซึ่งกุนซืออาฟราม แกรนท์จัดให้เป็นตัวสำรองโดยบอกเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะเก็บเอาไว้ใช้งานช่วยทีมหนีตกชั้น
  
     ด้านแมนฯ ยูไนเต็ดจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกมีไรอัน กิ๊กส์กัปตันทีมนำทัพดาวรุ่งที่ถูกส่งลงเล่นตามคาดทั้งเบเบ้ , คริส สมอลลิ่ง ,  กาเบรียล โอแบร์กต็อง และฮาเวียร์ เอร์นานเดซ
  
     แมนฯ ยูไนเต็ดได้เริ่มเขี่ยบอลก่อน และน่าจะมีเฮตั้งแต่นาทีที่ 7 จากจังหวะกระทุ้งเต็มข้อระยะ 12 หลาของโอแบร์กต็องหลังจากแนวรับเจ้าบ้านเคลียร์บอลอันตรายกันไม่ดี  แต่โรเบิร์ต กรีนโชว์ซูเปอร์เซฟทิ้งตัวปัดบอลไปชนเสากระดอนออกมาได้อย่างน่าใจหายใจคว่ำ
  
     อย่างไรก็ดี นาทีที่ 16 แฟนขุนค้อนก็ได้ไชโยลั่นเมื่อโจนาธาน สเป็คเตอร์ลากบอลขึ้นมาจ่ายให้วิคเตอร์ โอบิน่ากดเน้นๆจาก 20 หลาแฉลบสเป็คเตอร์ที่วิ่งเข้าไปเขตโทษทำให้บอลเปลี่ยนทิศตุงตาข่ายสุดที่โทมัส คุสแซ็กจะปัดป้องได้ อย่างไรก็ดี ไลน์แมนได้ยกธงขึ้นมา และจากภาพช้าแสดงให้เห็นว่าสเป็คเตอร์ซึ่งโดนบอลเป็นคนสุดท้ายก่อนตุงตาข่ายอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าชัดเจนทำให้เดอะ แฮมเมอร์สชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย
  
     ถึงกระนั้น ทีมเมืองกรุงยังไม่ยี่หระ และนาทีที่ 22 ก็พังประตูได้สำเร็จเมื่อคาร์ลตัน โคลเก็บบอลได้ในเขตโทษแล้วป้อนคืนให้โอบินน่าบรรจงหยอดเข้าไปโดยมีสเป็คเตอร์เด็กเก่าผีแดงโขกจาก 12 หลาไม่เหลือโดยจังหวะนี้ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ประกบหลวม ทำให้เวสต์แฮมสตาร์ตนำ 1-0 จนได้
  
     แมนฯ ยูไนเต็ดพยายามเดินหน้าล่าประตูคืน  และมีเสียวในนาทีที่ 32 จากการทะยานขึ้นทางซ้ายของฮาเวียร์ เอร์นานเดซก่อนจะวางบอลลึกมาเสาไกลให้กิ๊กส์โขกโล่งๆ แต่กัปตันทีมเยือนกลับโหม่งย้อนศรไปให้กรีนรับสบาย
  
     กระทั่งนาทีที่ 37 ขุนค้อนก็เบิกสกอร์เพิ่มได้โดยสเป็คเตอร์ที่เกมนี้ขยันและเล่นได้เด่นสุดๆลากบอลขึ้นมาจ่ายเข้าเขตโทษให้โอบินน่าแล้วฟาบิโอ ดา ซิลวาซึ่งสกัดบอลได้กลับลื่นล้ม ทำให้สเป็คเตอร์สบโอกาสเข้าเก็บตกระยะแปดหลาพาเจ้าบ้านนำเป็น 2-0
  
     ทีมเยือนเร่งเกมรุกทันที และถัดมาอีกสองนาที เฟล็ทเชอร์ก็เปิดบอลยาวจากกราบซ้ายเข้าเสาไกลให้เบเบ้โขก แต่ขาดความรุนแรงจึงถูกกรีนคว้าได้
  
     ถึงนาทีที่ 42 เวสต์แฮมน่าจะทิ้งห่างไปอีกจากจังหวะสับไกของโอบินน่า ดีที่ว่าคุสแซ็กทิ้งตัวปัดได้เหลือเชื่อ
  
     จากนั้นอีกครู่เดียว ฟาบิโอก็เติมเกมขึ้นไปตักบอลแถวริมเขตโทษด้านขวาแล้วโดนหลุยส์ บัวมอร์ตปรี่เข้าเสียบสองเท้าจนล้มฟุบ แต่ผู้ตัดสินกลับไม่ว่าอะไร ทำเอาเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต้องลุกมาที่ริมสนามชี้หน้าต่อว่าดาวเตะขุนค้อนที่เล่นหนัก และโวยสิงห์เชิ้ตดำเช่นกัน
  
     เท่านั้นไม่พอ ช่วงทดเวลาเจ็บ เอร์นานเดซก็ถูกแม็ตธิว อัพสันตามไปรวบกลิ้งโดยผู้ตัดสินยังเฉย แต่กัปตันขุนค้อนก็เจ็บไปพร้อมกับกองหน้าเม็กซิกัน ก่อนจะมีเสียงนกหวีดอนุญาติให้แพทย์ลงไปดูอาการกองหลังเจ้าบ้านที่ลุกขึ้นมาเล่นต่อได้ ครบ 45 นาทีขุนค้อนจึงนำหน้าผีแดง 2-0 
  
     ครึ่งหลัง แชมป์เก่าเปลี่ยนเบเบ้ออกส่งเฟเดริโก มาเคด้าลงไปแทน และนาทีที่ 50 กรีนนายประตูขุนค้อนก็ออกลูกเฟอะฟะ เตะบอลเปิดเกมแย่ไปกระทบหลังมาเคด้าที่ยืนอยู่หน้าเขตโทษ เอร์นานเดซจึงปรี่เข้าไปหมายเก็บตกระยะ 18 หลา ทว่ากรีนแก้ตัวสำเร็จวิ่งไปปั๊มบอลได้ทัน
  
     และในที่สุดนาทีที่ 56 กองเชียร์เจ้าบ้านก็ได้เริงร่ากันอีกจากการเล่นลูกฟรีคิกบริเวณกลางสนามด้วยการยาวสาดบอลออกกราบซ้ายแล้วโอบินน่าตักจากเส้นหลังมาหน้าประตูให้โคลโขกจากหกหลาตุงตาข่ายโดยที่จอนนี่ อีแวนส์ประกบแย่ ส่งผลให้เดอะ แฮมเมอร์สนำห่าง 3-0
  
     นาทีที่ 65 แมนฯ ยูไนเต็ดเปลี่ยนตัวอีกโดยส่งราฟาเอล ดา ซิลวาลงเล่นแทนฟาบิโอ แต่แค่นาทีเดียวก็โดนขยี้อีกเมื่อโอบินน่าจ่ายบอลจากฝั่งซ้ายหนีฟาบิโอเข้าเขตโทษได้ ทำให้โคลพลิกบอลสลัดหลุดอีแวนส์บ่อน้ำมันชั้นดีง่ายๆเข้าไปกดตูมเสียบเสาสองเพิ่มสกอร์ให้ทีมบ๊วยของลีกหนีไปไกลลิบเป็น 4-0
  
     นาทีที่ 73 ทีมเยือนเปลี่ยนอีแวนส์ออกให้เวส บราวน์ลงไปแทน ขณะที่เวสต์แฮมใช้งานวินสตัน รีดแทนเจมส์ ทอมกิ้นส์ และตามด้วยการส่งซาวอน ไฮนส์ลงไปแทนปาโบล บาร์เรร่าในนาทีที่ 77
  
     แต่จากนั้นก็ไม่มีการพังประตูกันได้ จบเกมเดอะ แฮมเมอร์สจึงแผลงฤทธิ์ขยี้ผีแดงได้เป็นทีมแรกในซีซั่นโดยชนะไปหายห่วง 4-0 เขี่ยแชมป์เก่าตกรอบ ขณะที่ตัวเองกรุยทางผ่านเข้ารอบตัดเชือก
  
     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
     เวสต์แฮม:
 โรเบิร์ต กรีน - ฌูเลียง โฟแบร์, เจมส์ ทอมกิ้นส์, แม็ทธิว อัพสัน, ทาล เบน-ฮาอิม - ปาโบล บาร์เรร่า, ราโดสลาฟ โควัช, โจนาธาน สเป็คเตอร์, หลุยส์ บัว มอร์ต - คาร์ลตัน โคล, วิคเตอร์ โอบินน่า 
     สำรอง:
 รุด บอฟฟิน (ผู้รักษาประตู) - วินสตัน รีด, สกอตต์ พาร์เกอร์, เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์, จูเนียร์ สตานิสลาส, ซาวอน ไฮนส์, เฟรเดริก ปิกิยอนน์ 
  
     แมนฯยูไนเต็ด:
 โทมัสซ์ คุสซ์แซ็ค - จอห์น โอเช, คริส สมอลลิ่ง, จอนนี่ อีแวนส์, ฟาบิโอ ดา ซิลวา - กาเบรียล โอแบร์กต็อง, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, อันแดร์สัน, ไรอัน กิ๊กส์ - ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นานเดซ, ติอาโก้ เบเบ้ 
     สำรอง:
 เบน อามอส (ผู้รักษาประตู) - เวส บราวน์, พาร์ค ชี-ซอง, ไมเคิล คาร์ริค, ราฟาเอล ดา ซิลวา, เฟเดริโก้ มาเคด้า, แม็กนุส เอเครม 
  
     ผู้ตัดสิน:
 มาร์ค แคล็ตเตนเบิร์ก

Leia mais...

แพ้แต่....โอเค



     ความพ่ายแพ้นัดที่ 6 ของฤดูกาลอาจดูเหมือนโหดร้ายถ้ามองในมุมลบแต่หากมองในมุมบวก...มันก็ได้อะไรกลับจากไวท์ ฮาร์ท เลนไม่น้อยเหมือนกัน
 

ก่อนเกมนัดนี้นักวิจารณ์ฝีปากกล้าบนโลกใบนี้พากันฟันธงว่า หงส์เสร็จแน่เพราะ สเปอร์สมี ฟาน เดอ ฟาร์ท และแกเรธ เบล
 
โดยหัวใจอันเป็นบทสรุปของผลแข่งฟุตบอลต้องตัดสินพื้นที่สุดท้ายบริเวณกรอบเขตโทษ
 
รับดีและรุกเยี่ยมคือคำตอบ เพราะฟุตบอลตัดสินกันในส่วนนี้จริงๆ บางครั้งคุณอาจคอนโทรลเกมทั้งหมดเอาไว้ได้ แต่หากคุณป้องกันหน้าบ้านตัวเองไม่ดีและรุกไปหน้าบ้านคู่แข่งขันแล้วไม่ได้ประตู มันอาจมีรายการทำร้ายจิตใจแฟนบอลเกิดขึ้น
 
เล่นดีแต่แพ้....
 
สิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลต้องการหลังผ่าน 14 นัดคือ...การเล่นบอลอย่างมีรูปแบบ มีกลยุทธ์ที่แน่นอน ไม่ใช่บอลสะเปะสะปะ หาทรงบอลที่ชัดเจนไม่ได้ คือฟุตบอลมั่ว...มันหาทิศทางไม่ได้แต่บอลที่เล่นเป็นทรงย่อมมีโอกาสดีกว่า
 
ย่อมมีโอกาสดีกว่า...หมายถึงมีโอกาสชนะมากกว่าเล่นไม่ดี เพียงแต่โอกาสนั้นมันไม่ร้อยเปอร์เซนต์ แต่มันย่อมดีกว่าการเล่นบอลสะเปะสะปะแล้วแพ้
 
เพราะผลพวงจากการเล่นบอลดีมีรูปแบบเป็นทรงฟุตบอลมันจะสร้างมาตรฐานในการเล่นขึ้นมา มันมีโอกาสทำให้ทีมชนะในเกมได้บ่อยๆ ได้ต่อเนื่อง อาจไม่ต้องชนะ 10 นัดรวดแต่มันมีโอกาสชนะสัก 7 ครั้งจาก 10 ครั้ง
 
เหมือนเกมนัดล่าสุดแพ้สเปอร์ส 1-2 อาจทำให้เด็กหงส์ผิดหวัง แต่ผมมองในแง่บวกครับ
 
ผมมองว่านี่คือเกมที่แฟนลิเวอร์พูลอยากเห็นมากที่สุด
 
เล่นเป็นแบบแผน มีทรงบอล การคอนโทรลเกม ต้องยอมรับว่า 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูลเหมือนเล่นในบ้าน แดนกลางแย่งบอลได้ ทำเกมได้ ต่อบอลได้ เสียยาก พลาดยาก  ถือว่าพอเล่นเกมได้แล้ว
 
ไม่มั่ว ไม่สะเปะสะปะ
 
จากนั้นก็ขึ้นนำ...พอขึ้นนำและยังไงต่อก็ต้องเดินหน้าแบบเดิม เพื่อยิงประตูเพิ่มทำให้เกมเล่นง่ายขึ้น
 
ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ทีมต้องปรับปรุงเพราะเมื่อยิงนำ 2-0 ไม่ได้จากโอกาสที่ทำ ก็เลยโดน 1-1 ทำให้สเปอร์สมีโอกาสกลับคืนสู่เกมได้ง่ายขึ้นและสุดท้ายพอพลาดก็จบข่าว
 
เล่นดีครับ....ติดใจแค่ว่า คอนเชสกี้  เป็นบ่อน้ำมันให้สเปอร์สสเล่นงานทาง เลนนอน เกมควรจบที่ 1-1 มากกว่าแพ้ หาก คอนเชสกี้นักเตะอายุ 31 ไม่หลุดสมาธิในช่วงทดเวลา (ระหว่างเกมก็หลุดบ่อย)
 
สัปดาห์นี้ไม่มีอะไรวิพากษ์มาก เพราะลิเวอร์พูลเริ่มปรับตัวเล่นเกมได้ดี ภาพรวมทุกอย่างเริ่มดีขึ้น เป็นทรงบอลมากขึ้นขาดแค่พื้นที่สุดท้ายต้องปรับให้มันกดดันมากกว่านี้ ประเภทปิดบัญชีได้ เพราะเมื่อทำไม่ได้เท่ากับโยนโอกาสให้คู่แข่งขัน
 
อันเป็นทีเด็ดของสเปอร์สในการไล่จากโดนนำกลับมาแซงชนะ 5 เกมแล้ว ให้เครดิตกับจังหวะการพิชิตประตูของสเปอร์สว่าเด็ดขาดมาก ส่วนลิเวอร์พูล แค่เสียดายแต่ไม่ผิดหวัง
 
แพ้แต่โอเค....ถ้าคมกริบและเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้าย น่าจะมีโอกาสได้คะแนนจากเกมนี้
 
เป็นความพ่ายแพ้ที่มีความหวังมากขึ้นกว่าเดิม
 
JACKIE

Leia mais...

ห้างยาทรุดอ๊าดเลอร์หลังเดี้ยงวืดซดโรเซนบอร์ก


        ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เจอปัญหาป่วนต้องแก้ไข ก่อนฟาดแข้ง โรเซนบอร์ก ศึกยูโรป้า ลีก ไม่กี่ชั่วโมง เมื่อ เรเน่ อ๊าดเลอร์ มือกาวเบอร์ 1 เกิดปวดหลังขึ้นมาดื้อๆ จนต้องบินกลับเมืองเบียร์ให้หมอเทวดาประจำค่าย "อินทรีเหล็ก" ตรวจเป็นการด่วน

     เรเน่ อ๊าดเลอร์ ผู้รักษาประตู ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สโมสรดังใน บุนเดสลีกา เยอรมัน เกิดอาการเจ็บหลังกะทันหัน จนต้องบินด่วนกลับไปพบ ดร. ฮันส์-วิลเฮล์ม มุลเลอร์-โวห์ลฟาร์ธ แพทย์ประจำทีมชาติเยอรมัน ในนครมิวนิค ก่อนหน้าเกมดวลแข้ง โรเซนบอร์ก ศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี วันพุธที่ 1 ธันวาคมนี้ จะเริ่มต้นขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
 
     มือกาววัย 25 ปี กล่าวว่า "ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังของผมมันตึงขึ้นเรื่อยๆ เปล่าประโยชน์ที่จะคิดถึงการลงเล่น ผมหวังว่า มันจะหายดีในที่สุด (หายเจ็บกลับมาทันเฝ้าเสาเกม บุนเดสลีกา พบ โคโลญจน์ วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคมนี้)"
 
     ทั้งนี้บรรดานักเตะ "ห้างขายยา" ต้องลงซ้อมด้วยการสวมหมวกไอ้โม่ง ตลอดทั้งการซ้อมครั้งสุดท้ายในนอร์เวย์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และคาดว่า จะต้องเจอสภาพอากาศหนาวเย็นจนอุณหภูมิติดลบ ระหว่างเกมที่สนาม เลอร์เคนดัล สตาดิโอน ค่อนข้างแน่

Leia mais...

เรือใบตบ3-0ลิ่ว,หมีพลิกพัง2-3ลุ้นนัดท้าย


        แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตบเท้าเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ฟุตบอลยูโรปา ลีก เรียบร้อย หลังจากที่เปิดรังเอาชนะ ซัลซ์บวร์ก สบายๆ 3-0 ด้าน แอตเลติโก มาดริด เล่นในบ้านตัวเองพลิกพ่าย อาริส 2-3 ยังต้องลุ้นเข้ารอบต่อในนัดสุดท้าย 

ฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ
วันพุธที่ 1 ธันวาคม 2553
แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) 3 - 0 ซัลซ์บวร์ก (ออสเตรีย)

สนาม : ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์, อังกฤษ
  
     "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีทั้งหมด 7 แต้มใน 4 เกมแรก ทำให้มีสิทธิ์เข้ารอบได้หลังจบเกมนี้ หากว่าชนะ เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก แล้ว ยูเวนตุส ไม่ชนะ เลช พอซนัน ในเวลาเดียวกัน หรือแม้แต่ผลเสมอก็ทำให้เข้ารอบได้ ถ้า เลช พอซนัน ชนะ ยูเวนตุส ได้ 
  
     เกมนี้ แมนฯซิตี้ ให้โอกาสกับตัวสำรองเมื่อวันเสาร์อย่าง ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, เยโรม บัวเต็ง, โจลีออน เลสค็อตต์, ปาทริค วิเอร่า, อดัม จอห์นสัน และ โช ลงมาเล่นเป็นตัวจริง พร้อมได้ ปาโบล ซาบาเลต้า แบ็กอาร์เจนไตน์กลับมาช่วยทีม 
  
     ส่วน คาร์ลอส เตเวซ ดาวยิงกัปตันทีม ที่กดไปแล้ว 9 ประตู ในซีซั่นนี้ ได้พัก ขณะที่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าโตโก มีชื่อแค่สำรองเท่านั้น โดยคู่หน้าวาง โช ดาวยิงบราซิล ล่าตาข่ายร่วมกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ 
  
     ด้าน เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก จากออสเตรีย รั้งบ๊วยของกลุ่ม และจะตกรอบทันทีถ้าไม่ชนะ แมนฯ ซิตี้ เกมนี้ผู้มาเยือนวางจาค็อบ ยานท์สเชอร์ ยืนหน้ากับ ฆัวกิน โบโกซิยาน
  
     เปิดเกมขึ้นมาได้ 12 นาที เจ้าบ้านได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษ แต่ อิบราฮิม เซคักย่า ตามมาขวางได้ทัน 
  
     ถัดมาสองนาที แมนฯซิตี้ น่าได้ประตูขึ้นนำเมื่อ บาโลเตลลี่ตะบันด้วยขวา แต่ แกร์ฮาร์ด เทรมเมล นายทวารชาวเยอรมันของทีมเยือนเซฟไว้ได้ด้วยเท้าอย่าสงหวุดหวิด 
  
     อย่างไรก็ตาม เรือใบสีฟ้า ขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 18 ซาบาเลต้า เปิดบอลจากทางซ้ายให้ มาริโอ บาโลเตลลี่ วอลเลย์ด้วยซ้ายอย่างสวยงามจากบริเวณจุดโทษ บอลพุ่งเสียบตาข่ายงามหยดให้แมนฯซิตี้ นำ 1-0 
  
     กระเถิบมานาทีที่ 24 ซัลซ์บวร์ก ได้ลุ้นบ้าง ไฮเออร์แลนเดอร์ วิ่งมาซัดด้วยขวา บอลพุ่งจะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่ บาโลเตลลี่ เคลียร์บอลออกไปได้
  
     ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 5 นาที เจ้าถิ่นน่าได้เพิ่ม ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ได้ยิงหน้าเขตโทษ แต่ถูก เทรมเมล ทุบออกไปได้ ครบ 45 นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำก่อน 1-0 
  
     เข้าสู่ครึ่งหลัง ซัลซ์บวร์ก เปลี่ยนเอา ดูซาน สเวนโต้ ปีกชาวสโลวาเกีย ลงมาเล่นแทน มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์ แบ็คซ้าย 
  
     เกมเริ่มต้นขึ้นด้วยสภาพอากาศที่เย็นเฉียบยิ่งกว่าในครึ่งแรก ยังเป็นเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ได้ซัดด้วยขวาบอลหลุดเสาขวามือของ แกร์ฮาร์ด เทรมเมล นายทวารทีมเยือนไปในนาทีที่ 56 
  
     สามนาทีให้หลัง อดัม จอห์นสัน ของเจ้าถิ่นลากเข้าไปสับด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคานไปอีก 
  
     อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 ในนาทีที่ 65 จากจังหวะที่ ปาทริค วิเอร่า ผ่านบอลให้กับ มาริโอ บาโลเตลลี่ ซัดด้วยขวาบอลเรียดเข้าเสียบมุมขวาเข้าไป เป็นประตูที่สองของ บาโลเตลลี่ ในเกมนี้แล้วด้วย 
  
     ซัลซ์บวร์ก ยังไม่ยอมง่ายๆ มีลุ้นเหมือนกันในนาทีที่ 69 สเตฟาน ไฮเออร์ลันเดอร์ เลี้ยงเข้าไปกดด้วยขวาอย่างถนัดถนี่ แต่ว่า เชย์ กิฟเว่น นายทวารของเรือใบสีฟ้า ปัดไว้ได้ 
  
     ผ่านมา 71 นาที แมนฯ ซิตี้ มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นถอด มาริโอ บาโลเตลลี่ ผู้ทำสองประตูในเกมนี้ออกแล้วให้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลงมาเล่นในแดนหน้าแทน 
  
     นาทีที่ 78 เจ้าถิ่นมาได้ประตูปิดท้าย 3-0 จาก อดัม จอห์นสัน จบเกม แมนฯ ซิตี้ เปิดรังเอาชนะ ซัลซ์บวร์ก 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปเรียบร้อย
  
     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
     แมนฯ ซิตี้ :
 เชย์ กิฟเว่น - ปาโบล ซาบาเลต้า, โจลีออน เลสค็อตต์, โคโล่ ตูเร่, เยโรม บัวเต็ง - ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, ปาทริค วิเอร่า, เจมส์ มิลเนอร์, อดัม จอห์นสัน - โช, มาริโอ บาโลเตลลี่  
     สำรอง:
 โจ ฮาร์ท (ผู้รักษาประตู) - ไมก้าห์ ริชาร์ดส์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, แกเร็ธ แบร์รี่, ไนเจล เดอ ยอง, ดาบิด ซิลบา, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

     ซัลซ์บวร์ก :
 แกร์ฮาร์ด เทรมเมล - ราบิอู อโฟลาบี้, ฟรานซ์ ชีเมอร์, อิบราฮิม เซคักย่า, มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์ - ดาวิด เมนเดส, สเตฟาน ไฮเออร์ลันเดอร์, ซิมอน ซิออมเมอร์, คริสตอฟ ไลท์เก็บ - จาค็อบ ยานท์สเชอร์, ฆัวกิน โบโกซิยาน 
     สำรอง:
 อเล็กซานเดอร์ วัลเค่ (ผู้รักษาประตู) - ดูซาน สเวนโต้, ดาเนี่ยล ออฟเฟนบาเชอร์, โธมัส ออกุสตินุสเซ่น, หลุยส์ เอ็นวัต-มาอ็อป, ยูโลจิโอ ซาราเต้, อลัน เดอ คาร์วัลโญ่ 

     ผู้ตัดสิน:
 ลิบอร์ โควาริค (สาธารณรัฐเช็ก)

แอต.มาดริด (สเปน) 2 - 3 อาริส (กรีซ)

สนาม : เอสตาดิโอ บิเซนเต้ กัลเดร่อน, มาดริด


     "ตราหมี" แอต.มาดริด แชมป์เก่าจากสเปน รั้งอันดับสองของกลุ่ม บี ในถ้วยยูโรปา ลีก มีทั้งหมด 7 คะแนนจากการลงสนาม 4 นัด ตามหลัง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จ่าฝูงจากเยอรมัน เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น เกมนี้หากว่า "ตราหมี" เก็บชัยได้จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทันที พร้อมกับส่ง อาริส ตกรอบไปด้วย
  
     แมตซ์นี้ตราหมีเรียก อัลบาโร่ โดมิงเกซ ปราการหลังร่างใหญ่กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟเคียงข้างกับ ดีเอโก้ โกดิน ส่วนแดนหน้า เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา จับคู่กับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน คู่หูต่างวัยจากอุรุกวัย 
  
     ทางด้าน อาริส เธสซาโลนิกิ ทีมดังจากกรีซ ไม่มี เมห์ดี้ นาฟติ มิดฟิลด์ชาวตูนิเซีย ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเล่นในถ้วยนี้ แนวรุกไม่มี โทนี่ กัลโบ กองหน้าดาวรุ่งวัย 23 ปี ชาวสเปน โดยส่ง ดานิเยล เซซาเรซ ลงมาผนึกกำลังในแดนหน้าร่วมกับ เซร์คิโอ โกเก้ กัปตันทีม และ เปราล ฆาบิโต้
  
     ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่นาทีเดียว อาริส ขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ดาบิด เด เคอา นายทวารตราหมี พยายามจะออกไปบล็อกบอลจาก ฆาบีโต้ พลาด เลยโดนจ่ายให้ เซร์คิโอ โกเก้ กองหน้ากัปตันทีมยิงโล่งๆเข้าประตูไปให้อาริส นำก่อน 1-0 
  
     หลังจากนั้น 10 นาที เจ้าบ้านตามตีเสมอจนได้จากจังหวะที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ผ่านบอลให้กับ ซิเมา ซาโบรซ่า ซัดด้วยขวาบอลไปชนเสามาเข้าทางของ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กระทุ้งซ้ำด้วยซ้ายเข้าไปให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1 แล้ว 
  
     มาถึงนาทีที่ 12 เจ้าถิ่นน่าได้เพิ่มอีกจากการยิงไกลของ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"  บอลพุ่งแรงจน มิชาลิส ซิฟาคิส นายทวารอาริส รับกระฉอกยังดีที่ตามตะครุบบอลได้
  
     สามนาทีต่อมา ตราหมี แซงนำจนได้จากจังหวะวางบอลยาวของอัลบาโร่ โดมิงเกซ ให้กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ควบไปรับบอลก่อนเลือกยิงสวนตัว ซิฟาคิส เข้าไปอย่างเฉียบคมให้แอต. มาดริด ขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 15 
  
     กระเถิบมาถึงนาทีที่ 37 เจ้าบ้านขึ้นเกมรุกมาอีกครั้ง ฟอร์ลัน พาบอลขึ้นทางกราบซ้ายแล้วตบไปหน้าประตู นิกอส ลาซาริดิส ล้มตัวสไลด์ทิ้งได้ก่อนที่เอล กุน จะเข้าถึงบอลนิดเดียวเท่านั้น หมดครึ่งแรกแอต.มาดริด นำ 2-1
  
     กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่สองนาที ตราหมี น่าได้ประตูเพิ่ม โทมัส อูจ์ฟาลูซี่ ดอดขึ้นมาส่องด้วยขวาแฉลบคานบนออกหลังไป  
  
     อย่างไรก็ตาม กลายเป็น อาริส ที่มาได้ประตูตีเสมอเป็น 2-2 ในนาทีที่ 51 
จากจังหวะที่ อัลบาโร่ โดมิงเกซ ไปทำฟาวล์ ดานิเยล เซซาเรซ กองหน้าทีมเยือนล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ เซร์คิโอ โกเก้ กองหน้ากัปตันทีมชาวสเปน จะรับหน้าที่สังหารยิงด้วยขวาเต็มข้อบอลเรียดเสียบมุมซ้ายเข้าไปอย่างเด็ดขาด เป็นประตูที่สองของ โกเก้ ในเกมนี้แล้วด้วย  
  
     ตราหมี ต้องกลับมาเร่งเครื่องอีกครั้ง ติอาโก้ เมนเดส กองกลางชาวโปรตุกีส เก็บบอลได้ก่อนจะอัดด้วยขวาไม่ตรงกรอบในนาทีที่ 53 
  
     ถัดจากนั้นแปดนาที เจ้าถิ่นได้โอกาสเมื่อ ซิเมา เปิดบอลให้กับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กระหน่ำด้วยซ้ายไม่ผ่านการป้องกันของ ซิฟาคิส นายทวารทีมเยือน 
  
     ข้ามมานาที 66 ซิเมา ของตราหมี เปิดบอลให้กับ ติอาโก้ เมนเดส สอดขึ้นมาโขกไม่เข้ากรอบอีก 
  
     สามนาทีต่อมา ติอาโก้ เปิดบอลให้กับ เอล กุน จะบันด้วยซ้ายติดเซฟของ ซิฟาคิส อีก จากนั้นสองนาที โกดิน ผ่านให้กับ เรเยส กดด้วยซ้ายไม่ผ่าน ซิฟาคิส ที่วันนี้เหนียวเหลือเกิน 
  
     มาถึงนาทีที่ 73 ตราหมี เปลี่ยนเอา ซิเมา ซาโบรซ่า ออกแล้วส่ง ดีเอโก้ คอสต้า ลงมาเพิ่มพลังสังหาร 
  
     เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 77 อาริส เปลี่ยนเอา ธานาซิส พริตตาส ลงมาเล่นแทน เซร์คิโอ โกเก้ ฮีโร่ของทีมเยือนที่ทำสองประตูในเกมนี้ 
  
     อย่างไรก็ตามกลายเป็น อาริส ที่มาได้ประตูพลิกขึ้นนำในนาทีที่ 81 จากจังหวะที่ เซซาเรซ ยิงโดน เด เคอา ปัดออกมาเข้าทางของ นิกอส ลาซาริดิส ยิงด้วยซ้ายเข้าไปให้ทีมเยือนนำ 3-2 
  
     เวลาที่เหลือทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม อาริส พลิกล็อคบุกมาโค่น แอต. มาดริด สนุก 3-2 เก็บสามแต้มเต็มมีเพิ่มเป็น 7 คะแนนเท่ากับตราหมี ยังมีลุ้นเข้ารอบด้วยกันทั้งคู่ 
  
     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
     แอต. มาดริด :
 ดาบิด เด เคอา - โทมัส อูจ์ฟาลูซี่, อัลบาโร่ โดมิงเกซ, ดีเอโก้ โกดิน, อันโตนิโอ โลเปซ (กัปตันทีม) - โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส, มาริโอ ซูอาเรซ, ติอาโก้ เมนเดส, ซิเมา ซาโบรซ่า - เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน", ดีเอโก้ ฟอร์ลัน 
     สำรอง:
 โฆเอล โรเบลส (ผู้รักษาประตู) - ฆวน บาเลร่า, หลุยส์ เปเรอา, เปาโล อัสซุนเซา, ราอูล การ์เซีย, ฟราน เมริด้า, ดีเอโก้ คอสต้า 

     อาริส :
 มิชาลิส ซิฟาคิส - โอริโอล โลซาโน่, คริสติ วานเจลี่, นิกอส ลาซาริดิส, การ์บินี่ มิเชล - ฮวน คาร์ลอส โทย่า, คอสตาส เมนดรินอส, ริคาร์โด้ ฟาติ - เปราล ฆาบิโต้, เซร์คิโอ โกเก้ (กัปตันทีม), ดานิเยล เซซาเรซ 
     สำรอง:
 มาร์กอส เวลลิดิส (ผู้รักษาประตู) - เอฟติมิส คูลูเฮริส, ดาร์ซี่ เนโต้, ธานาซิส พริตตาส, คอนสแตนตินอส คาซนาเฟริส, คาร์ลอส รูอิซ

     ผู้ตัดสิน:
 อีวาน เบเบ็ค (โครเอเชีย)

สรุปผลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม 
กลุ่มเอ

- แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) ชนะ ซัลบวร์ก (ออสเตรีย) 3-0
- เลช พอชนัน (โปแแลนด์) เสมอ ยูเวนตุส (อิตาลี) 1-1

กลุ่มบี
- แอตเลติโก มาดริด (สเปน) แพ้ อาริส (กรีซ) 2-3
- โรเซนบอร์ก (นอร์เวย์) แพ้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมัน) 0-1

กลุ่มซี- สปอร์ตติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส) - ลีลล์ (ฝรั่งเศส) 1-0
- เกนท์ (เบลเยียม) - เลฟสกี้ โซเฟีย (บัลแกเรีย) 1-0

กลุ่มจี
- เซนิต (รัสเซีย) ชนะ อันเดอร์เลทช์ (เบลเยียม) 3-1
- ไฮดุ๊ก สปริท (โครเอเชีย) แพ้ เออีเค เอเธนส์ (กรีซ) 1-3
 
กลุ่มเอช
- ยัง บอยส์ เบิร์น (สวิตเซอร์แลนด์) ชนะ สตุ๊ตการ์ท (เยอรมัน) 4-2
- โอเดนเซ่ (เดนมาร์ก) เสมอ เคตาเฟ่ (สเปน) 1-1

กลุ่มไอ- เมตาลิสต์ (ยูเครน) ชนะ เดเบรเซ่น (ฮังการี) 2-1
- ซามพ์โดเรีย (อิตาลี) แพ้ พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟ่น (เนเธอร์แลนด์) 1-2

Leia mais...

หงส์ปรับอื้อ!ขนสำรองบุกรังสเตอัว


        "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตรียมปรับทัพหลายตำแหน่ง ในการบุกไปเยือน สเตอัว บูคาเรสต์ ในศึกฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อคืนที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเค
วันพฤหัสบดี ที่ 2 ธันวาคม 2553 สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)

สนาม : สตาดิโอนุล สเตอัว
  
     มาริอุส ลาคาตุส อดีตดาวดังของทีมที่กลับมาคุมทีมเป็นคำรบที่ 3 มีหวังลุ้นเข้ารอบไปจนถึงนัดสุดท้าย หากเก็บแต้มได้ในเกมนี้ หรือไม่ลุ้นเข้ารอบ 100 เปอร์เซนต์เลย หากเอาชนะ ลิเวอร์พูล แล้วลุ้นให้ผลอีกคู่ระหว่าง นาโปลี กับ อูเทรกท์ ออกมาเสมอกัน
  
     ดาวเตะคนสำคัญอย่าง บ็อกดาน สแตนคู กองหน้าทีมชาติโรมาเนีย จะเป็นตัวหลักในเกมนี้ หลังยิงสองประตูในเกมที่ชนะ อูเทรกช์ ทีมจากฮอลแลนด์ นัดก่อน 3-1 และล่าสุดก็เพิ่งยิงสองประตูในเกมลีกที่เสมอ คลูช 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย
  
     อย่างไรก็ตาม แนวรับไม่มี จอร์จ กาลามาซ และแดนกลางก็ไม่มี ปาโบล บรันแดน มิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ ที่ไม่มีชื่อลงทะเบียนเล่นในรายการนี้
  
     ระบบการเล่น 4-2-3-1 ชิเปรียน ทาทารูซานู ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้ เอเดอร์ บอนฟิม, โนวัค มาร์ติโนวิช, เกราลโด้ อัลเวส, ยาสมิน ลาตอฟเลวิชี่ แดนกลางมี ฟลอริน การ์ดอส กับ ริคาร์โด้ โกเมส แนวรุกใช้ โรเมโอ ซูร์ดู, บ็อกดาน สแตนคู, คริสเตียน ทานาเซ่ กัปตันทีม หน้าเป้า พานเทลิส คาเปตานอส
  
     ด้าน รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือ หงส์แดง แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องการพักตัวหลักหลายต่อหลายคน อาทิ เฟร์นานโด ตอร์เรส, เดิร์ค เค้าท์, ราอูล เมเรเลส, เกล็น จอห์นสัน และ พอล คอนเชสกี้ ไม่ได้เดินทางไปดินแดนผีดิบ
  
     ก่อนหน้านี้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด บาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าฉีก ต้องพักประมาณ 3 เดือน ล่าสุด เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไหล่หลุดไปอีกคน ต้องพักราวๆ 3 เดือนเช่นกัน ทำให้ ฮ็อดจ์สัน ต้องเลิกคิดถึงทั้งคู่ไปจนถึงเดือนมีนาคม ปีหน้า
  
     ฮ็อดจ์สัน ตัดสินใจเรียกนักเตะ 19 คนสำหรับเกมนี้ โดยมีตัวหลักอย่าง โฆเซ่ เรน่า, ลูคัส เลว่า, คริสเตียน โพลเซ่น, โซติริออส คีร์เจียกอส, มาร์ติน สเคอร์เทล และ โจ โคล นำทัพดาวรุ่งหลายคนที่ถูกเรียกตัวขึ้นสู่ชุดใหญ่
  
     อย่างในราย ดาเนี่ยล ปาเชโก้ กองหน้าสเปน ก็คืนชุดใหญ่ในรอบหลายนัด เช่นเดียวกับ แจ็ค โรบินสัน แบ็กซ้ายดาวรุ่ง ขณะที่ จอห์น ฟลานาแกน แบ็กขวาของทีมสำรอง ก็ถูกเลื่อนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก
  
     ระบบการเล่น 4-4-2 โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, โซติริออส คีร์เจียกอส, ฟาบิโอ ออเรลิโอ แดนกลางมี จอนโจ เชลวี่ย์, คริสเตียน โพลเซ่น, ลูคัส เลว่า, มิลาน โยวาโนวิช คู่หน้า ไรอัน บาเบล ยืนคู่ ดาวิด เอ็นก็อก
  
     รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม 
     สเตอัว บูคาเรสต์ : ชิเปรียน ทาทารูซานู - เอเดอร์ บอนฟิม, โนวัค มาร์ติโนวิช, เกราลโด้ อัลเวส, ยาสมิน ลาตอฟเลวิชี่ - ฟลอริน การ์ดอส, ริคาร์โด้ โกเมส - โรเมโอ ซูร์ดู, บ็อกดาน สแตนคู, คริสเตียน ทานาเซ่ - พานเทลิส คาเปตานอส
  
     ลิเวอร์พูล :
 โฆเซ่ เรน่า - มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, โซติริออส คีร์เจียกอส, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - จอนโจ เชลวี่ย์, คริสเตียน โพลเซ่น, ลูคัส เลว่า, มิลาน โยวาโนวิช - ไรอัน บาเบล, ดาวิด เอ็นก็อก
  
     ผู้ตัดสิน :
 บูเลนท์ ยิลดิริม (ตุรกี)

โปรแกรมยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม
กลุ่มดี

03.05 น. บียาร์เรอัล (สเปน) - ดินาโม ซาเกร็บ (โครเอเชีย)  
03.05 น. พีเอโอเค (กรีซ) - คลับ บรูช (เบลเยียม)  

กลุ่มอี
03.05 น. เชริฟฟ์ ติราสโพล (มอลโดว่า) - เอแซด อัล์คมาร์ (เนเธอร์แลนด์)  
03.05 น. เบท บอริซอฟ (เบลารุส) - ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)  

กลุ่มเอฟ
01.00 น. ปาแลร์โม่ (อิตาลี) - สปาร์ต้า ปราก (สาธารณรัฐเช็ก)    
01.00 น. ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย) - โลซาน สปอร์ตส (สวิตเซอร์แลนด์)  

กลุ่มเจ
01.00 น. ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน) - คาร์ปาตี้ (ยูเครน)    
01.00 น. ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) - เซบีย่า (สเปน) 
  
กลุ่มเค
01.00 น. อูเทร็คช์ (เนเธอร์แลนด์) - นาโปลี (อิตาลี)   
01.00 น. สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)   

กลุ่มแอล
01.00 น. ซีเอสเคเอ โซเฟีย (บัลแกเรีย) - เบซิคตัส (ตุรกี)   
01.00 น. ราปิด เวียนนา (ออสเตรีย) - เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุกส)

Leia mais...

  ©แทง บอล,บอล ออนไลน์,แทง บอล ออนไลน์,การ แทง บอล - Todos os direitos reservados.

Template by Dicas Blogger | Topo